วันศุกร์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2559

บันทึกหลังการเรียน ครั้งที่6
วันจันทร์ ที่3 ตุลาคม 2559
•••••••••••••••••••••••••••••••••
• อาจารย์ให้นักศึกษาแต่ละกลุ่มนำเสนองานวิจัยที่เกี่ยวกับการให้การศึกษาแก่ผู้ปกครองเด็กปฐมวัย




• กลุ่มของดิฉัน ได้ศึกษางานวิจัยงานหนึ่งซึ่งเกี่ยวกับการให้ความรู้แก่ผู้ปกครองทางเฟสบุ๊ค


งานวิจัย : เรื่อง การประยุกต์กระบวนการจิตตปัญญาศึกษาและเครือข่ายสังคมออนไลน์ในการส่งเสริมความรู้และทักษะด้านพัฒนาการเด็กระดับปฐมวัยสำหรับผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนอนุบาลเอกชนในจังหวัดนนทบุรี
การศึกษาระดับ  : ดุษฎีบันฑิต
มหาวิทยาลัย : ธุรกิจบัณฑิตย์
ปีที่ทำวิจัย : 2558
ผู้วิจัย : จรวยพร  แดงโชติ

ขอบเขตของการศึกษาวิจัย
ด้านเนื้อหา ความรู้และทักษะที่สำคัญและจำเป็นในการเลี้ยงดูที่ถูกต้องเหมาะสมสำหรับผู้ปกครองด้านพัฒนาการของเด็กระดับปฐมวัย
ประชากรที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ ผู้บริหารโรงเรียนอนุบาล ครูอาวุโส โรงเรียนอนุบาลเอกชนในจังหวัดนนทบุรี  ปีการศึกษา 2555
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ผู้บริหาร ครูอาวุโส ผู้ปกครองนักเรียน โรงเรียนอนุบาลเอกชนในจังหวัดนนทบุรีจำนวน 135 คน
ระยะเวลาในการศึกษาและทดลอง ปีการศึกษา 2555-2556

ตัวแปรที่ใช้ในการวิจัย
ตัวแปรอิสระ
การส่งเสริมความรู้และทักษะด้านพัฒนาการเด็กระดับปฐมวัยสำหรับผู้ปกครองนักเรียน
ตัวแปรตาม
การประยุกต์ใช้กระบวนการจิตตปัญญาศึกษาและเครือข่ายสังคมออนไลน์

เครื่องมือในการวิจัย
1.กำหนดเป็นประเด็นความรู้และทักษะสำหรับผู้ปกครอง
2.จัดทำกรอบกิจกรรมตามลำดับขั้นในการใช้กระบวนการจิตติปัญญาศึกษาและบรรจุสาระตามกรอบให้ครบถ้วนโดยผสมผสานกับสาระทางเครือข่ายสังคมออนไลน์แบบเฟสบุ๊ค (Facebook)
3.จัดทำกำหนดการจัดส่งข้อความรู้ทางเครือข่ายสังคมออนไลน์แบบ Facebook ตามกรอบเวลาในช่วงเดือนกันยายน ถึงเดือนตุลาคม 2556 เป็นการกำหนดการตั้งแต่ต้นจนจบ

การดำเนินการวิจัย
1.ประมวลสาระความรู้ความเข้าใจ
2.ศึกษาสภาพปัจจุบัน
3.ออกแบบการประยุกต์ใช้กระบวนการจิตติปัญญาศึกษาและ
    เครือข่ายสงคมออนไลน์แบบเฟสบุ๊ค (Facebook)
4.ทดลองสรุปผลและนำเสนอผลต่อที่ประชุมสนทนากลุ่ม นำผลมา
    ปรับปรุงแล้วจัดทำเป็นแนวทางการประยุกต์ใช้กระบวนการจิตติ
    ปัญญาศึกษาและเครือข่ายสงคมออนไลน์ฉบับสมบูรณ์

ตัวอย่างกิจกรรมที่ให้ความรู้แก่ผู้ปกครอง
กิจกรรม : เรื่องทักษะที่ผู้ปกครองพึงมีเกี่ยวกับการอบรมเลี้ยงดูเด็กปฐมวัย  การส่งเสริมทักษะการเล่านิทาน ให้ความรู้วันที่ 25 กันยายน 2556 เวลา 15.00 น.
นิทานที่เหมาะกับความต้องการ ความสนใจของเด็ก จะช่วยส่งเสริมพัฒนาการและการ เรียนรู้ของเด็กอย่างมาก นิทานมีประโยชน์และคุณค่าต่อเด็กมากมายดังนี้
1.ส่งเสริมพัฒนาการทางด้านอารมณ์ ให้เด็กได้รับความสุข สนุกสนานเพลิดเพลิน เกิด ความรู้สึกอบอุ่นและใกล้ชิดผู้เล่ามากขึ้น
2.ส่งเสริมพัฒนาการทางภาษา ทักษะการคิด จินตนาการ ฝึกสมาธิในการฟัง การถ่ายทอด เรื่องราวให้ผู้อื่นฟังได้
3.ส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม ตลอดจนลักษณะนิสัยอันดีงามให้เกิดขึ้นกับเด็ก
4.ปลูกฝังการรักการอ่าน ซึ่งเด็กเล็กๆ จะเป็นการอ่านจากรูปภาพก่อน แล้วจึงพัฒนามาเป็นคำประโยคต่างๆ
5.ส่งเสริมพัฒนาการทางสติปัญญา ความรู้ต่างๆ จะแฝงอยู่ในนิทาน ทำให้เด็กเรียนรู้โดย ไม่รู้ตัว
   สรุปการเก็บรวบรวมข้อมูลจากเครือข่ายสังคมออนไลน์แบบ Facebook จิตตปัญญา (กลุ่มหนึ่ง) โรงเรียนอนุบาลดวงใจ
วันที่ 27 กันยายน 2556
เรื่องย่อยตอนที่ 3การส่งเสริมทักษะการเล่านิทาน  เวลาส่ง15.00 น.
   มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมกด LIKE จำนวน 15 คน แสดงความคิดเห็น 4 คน ผู้เข้าร่วมกิจกรรมแสดงความคดเห็นโดยรวมสรุปได้ดังนี้
   เล่านิทานให้ลูกฟังแต่ลูกไม่ยอมฟัง ในครึ่งแรกต้องให้ลูกเป็นคนเลือกนิทานเองว่าชอบเรื่องไหน และต่อให้เด็กพร้อม ที่จะฟัง พาเขาร้านหนังสือ พูดคุยว่าหนังสือมีรูปสวยงาม มีตัวสัตว์น่าสนใจมาก แรกๆ ลูกอาจสนใจ เพียงเล็กน้อย ต่อๆ ไปลูกน่าจะเริ่มสนใจมากขึ้น โดยเฉพาะควรหาหนังสือที่มีรูปภาพสีสันสวยงาม

สรุป
จากผลการวิจัยพบว่า การใช้กระบวนการจิตตะปัญญาศึกษาเพื่อส่งเสริมความรู้และทักษะ สำหรับผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนอนุบาลเอกชนในจังหวัดนนทบุรีนั้น กระบวนการจิตตะปัญญา ช่วยให้ผู้ปกครองเกิดการเรียนรู้อย่างแท้จริง เปิดใจรับสิ่งใหม่ๆ รวมทั้งสามารถพัฒนาตนเองจาก ภายในภายนอก เกิดการเรียนรู้ที่ชัดเจน จากการใช้เวลาใคร่ครวญตามความเป็นจริง ซึ่งเป็น กระบวนการที่สามารถนำมาให้ความรู้กับผู้ปกครองได้อย่างยิ่ง ดังนั้น สำนักงานคณะกรรมการ การศึกษาเอกชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควรให้ความสำคัญและนำกระบวนการจิตตะปัญญาศึกษา ไปใช้ในการให้ความรู้เรื่องต่าง ๆ ให้กับนักเรียน ครูและผู้ปกครองนักเรียนระดับปฐมวัยและระดับ อนุบาล ๆ ต่อไป

สิ่งที่ได้รับ
-การให้ความรู้แก่ผู้ปกครองมีหลายรูปแบบและแต่ละรูปแบบทำให้ผู้ปกครองได้รับความรู้แตกต่างกัน
-การให้ความรู้แก่ผู้ปกครองทำให้ผู้ปกครองมีแนวทางในการพัฒนาตนเองและส่งเสริมทักษะที่ดีให้เด็ก
-การศึกษางานวิจัยนี้ทำให้ทราบผลการวิจัยและสามารถยืดหยุ่นวิธีให้ความรู้แก่ผู้ปกครองได้หลากหลาย

ประเมินตนเอง
-มีความรับผิดชอบในหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายและตั้งใจนำเสนองานให้ออกมาดีที่สุด
-ให้ความร่วมมือในการถามหรือตอบ เวลาที่มีเพื่อนตั้งข้อสงสัยพร้อมให้คำตอบได้อย่างชัดเจน
-แต่งกายเรียบร้อยตามความเหมาะสมและตั้งใจฟังเพื่อให้เกียรติเพื่อนตอนนำเสนองาน 

ประเมินอาจารย์
-อาจารย์ให้ความร่วมมือ ให้คำแนะนำกับนักศึกษาในการค้นคว้างานวิจัยอย่างเต็มที่
-อาจารย์เปิดโอเกาสให้นักศึกษาที่มีข้อสงสัยได้ถามเพื่อนำไปสู่การเข้าใจอย่างแท้จริง
-อาจารย์แต่งกายเรียบร้อยเป็นแบบอย่างที่ดีให้นักศึกษาและเข้าสอนตรงตามเวลา 
                      ••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น